แรงบันดาลใจ มุ่งมั่นพัฒนาองค์กร
ตลอดระยะเวลากว่า 7 ทศวรรษของการดำเนินกิจการ ไทยประกันชีวิตยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล บนพื้นฐานของความสุจริตยุติธรรม สั่งสมประสบการณ์สร้างความไว้วางใจ ยืนหยัดเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตที่สามารถครองใจคนไทยมาได้อย่างยาวนาน ซึ่งปัจจัยสำคัญนั่นคือ ความพยายามผลักดันให้ ปี 2559 เกิดการพัฒนาองค์กรรอบด้านอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้องค์กรมีความเจริญก้าวหน้า เคียงข้างประชาชนและสังคมไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
รายงานผลการดำเนินงาน
ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่ความเป็นแบรนด์ชั้นนำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกชีวิต” พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรภายใต้แนวคิด “เข้าใจ จริงใจ ไม่ทิ้งกัน” เพื่อก้าวสู่การเป็น People Business รวมถึงการส่งต่อแรงบันดาลใจมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรในทุกด้าน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย การพัฒนาบุคลากร ระบบงาน การบริหารงาน ภาพลักษณ์ และพร้อมเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต โดยผลการดำเนินงานของไทยประกันชีวิตใน ปี 2559 มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 80,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 12,147 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ซึ่งประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 14,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 558 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4 เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว 8,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 4,864 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 153 เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 57,452 ล้านบาท คิดเป็นอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ร้อยละ 88 และเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 340 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 32 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.2 เบี้ยประกันภัยรับสุทธิหลังหักเบี้ยประกันภัยต่อและสำรองเบี้ยประกันภัยที่ไม่ถือเป็นรายได้เท่ากับ 80,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 11,965 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18
ขณะที่ จำนวนกรมธรรม์ใหม่ปรับเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนกรมธรรม์ใหม่ 527,333 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 3,508 ราย และจำนวนกรมธรรม์ที่มีผลบังคับรวมทั้งสิ้น 4,390,200 ราย คิดเป็นจำนวนเงินเอาประกันภัยรวม 1,645,920 ล้านบาท สำหรับเงินจ่ายตามกรมธรรม์ประกันภัยในปี 2559 ก่อนรับคืนจากประกันภัยต่อ มีจำนวน 38,072 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน 3,818 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11
ฐานะทางการเงิน
บริษัทฯ มีเสถียรภาพและมีศักยภาพทางการเงิน โดยปี 2559 มีสินทรัพย์จำนวน 346,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 51,411 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 และมีเงินสำรองประกันชีวิต 258,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 39,176 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18
การลงทุน
ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2558 ที่ขยายตัว ร้อยละ 2.9 (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สศช. วันที่ 20 ก.พ. 2560) เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่ดีส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ อาทิ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ในรูปแบบของการมอบเงินให้ผู้มีรายได้น้อย, การจัดสรรงบประมาณให้กับตำบล และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ รวมถึงการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับภาคการลงทุนในปี 2559 ขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐในโครงการคมนาคมและระบบชลประทาน รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่มีทิศทางปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนภาคก่อสร้างและการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยได้รับปัจจัยจากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ
ขณะเดียวกัน ภาคการส่งออก โดยภาพรวมขยายตัวดีขึ้นจากการส่งออกภาคบริการ แต่การส่งออกของสินค้าอุตสาหกรรมและการส่งออกของสินค้าเกษตรที่เป็นพืชเศรษฐกิจมีปริมาณการส่งออกลดลง เนื่องจากผลผลิตได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยในปี 2559 ซึ่งในระหว่างปีมีความผันผวนอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงของการสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กษัตริย์ ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนในช่วงขณะเวลาหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี ณ สิ้นปี 2559 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจัยบวกในทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ โครงการลงทุนในการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมของภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น และรวมถึงความชัดเจนในเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ 4G ตลอดจนสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มประเทศยุโรป ทั้งนี้ โดยรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2559 ปิดตลาดอยู่ที่ 1,542.94 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 20
ณ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น 329,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 49,224ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 ทั้งนี้ สามารถจำแนกสินทรัพย์ลงทุนตามประเภท ประกอบด้วย ตั๋วสัญญาใช้เงิน/ ตั๋วแลกเงิน 34,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,382 ล้านบาท พันธบัตร 134,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,688 ล้านบาท เงินฝากธนาคารประเภทมีดอกเบี้ยและบัตรเงินฝาก 9,606 ล้านบาท ลดลง 8,759 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมโดยมีทรัพย์สินจำนองเป็นประกันและเงินกู้พนักงาน 278 ล้านบาท ลดลง 3 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมโดยมีกรมธรรม์ประกันภัยเป็นประกัน 23,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,032 ล้านบาท หุ้นทุนและใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้นสามัญ 22,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,035 ล้านบาท หุ้นกู้ 89,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,687 ล้านบาท หน่วยลงทุน 15,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,216 ล้านบาท เงินลงทุนให้เช่าซื้อรถ 59 ล้านบาท ลดลง 82 ล้านบาท และตราสารอนุพันธ์ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 ล้านบาท