ไทยประกันชีวิต

  • ข่าวประชาสัมพันธ์

บริษัทประกันชีวิต ปรับพอร์ตรับมือเกณฑ์ดำรงเงินกองทุน RBC2 ด้าน "ไทยประกันชีวิต" ลงทุนรัดกุมคุมพอร์ต 4 แสนล้านบาท หนุน CAR เพิ่มแตะ 370%

19/06/2019

ธุรกิจประกันชีวิต รุกปรับพอร์ตการลงทุน เพิ่มทุนรับเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนระยะที่ 2 (RBC2) บังคับใช้ 
นายไชย ไชยวรรณ กจญ.ไทยประกันชีวิต เผย บริษัทฯ ยังคงนโยบายการลงทุนที่รอบคอบและรัดกุมโดยจะเน้นลงทุนความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากเป็นการบริหารเบี้ยประกันของลูกค้าที่มีอยู่กว่า 4 ล้านกรมธรรม์ในปัจจุบัน ขณะเดียวกันต้องบริหารพอร์ตลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่เพียงพอกับผลประโยชน์ที่ให้กับลูกค้าตามสัญญากรมธรรม์ ดังนั้น การลงทุนส่วนใหญ่เน้นพันธบัตร (บอนด์) ของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจที่มีความมั่นคง โดยก่อนหน้านี้ลดการลงทุนในหุ้น เนื่องจากตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง รวมถึงได้ประเมินผลกระทบจาก RBC2 ไว้ด้วย 
ทั้งนี้ สิ้น มี.ค. 2562 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ลงทุนตามราคาตลาด ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2562 ประมาณ 401,358 ล้านบาท แบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 47.5% หุ้นกู้ 29.5% หุ้นสามัญ 6.2% หน่วยลงทุน 5.6% พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 4.5% ตั๋วแลกเงิน 3% ตั๋วสัญญาใช้เงิน 2.7% เงินฝากประจำ 0.9% และบัตรเงินฝาก 0.1% โดยมีอัตราผลตอบแทนตามราคาตลาดที่ 10.26% ขณะที่ CAR อยู่ที่ 369.91% เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2561 ที่อยู่ที่ 361.68%
ฟิลลิปประกันชีวิต เพิ่มทุนอีก 200 - 300 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากกรอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงระยะที่ 2 (RBC2) จะส่งผลต่ออัตราส่วนเงินกองทุน (CAR radio) ของบริษัทฯ ลดลงมาอยู่ที่ 140% จากปัจจุบันอยู่ที่ 179% ย้ำนโยบายบริษัทฯ ดูแล CAR ไม่ให้ต่ำกว่า 155% ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการเพิ่มทุนเพิ่มให้ CAR มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 
โตเกียวมารีนประกันชีวิต มั่นใจไม่ได้รับผลกระทบเหตุจัดพอร์ตลงทุน ปรับโปรดักต์รับความเสี่ยงล่วงหน้า ย้ำสามารถดูแลอัตราส่วนเงินกองทุน CAR radio ให้อยู่ที่ระดับ 600%